สำนักงานกฎหมาย KNInterlaw

ขั้นตอนการพิจารณาอายุความ

การพิจารณาอายุความ จะต้องตรวจสอบเอกสารที่ได้รับ โดยตรวจสอบกำหนดระยะเวลาชำระหนี้ที่ระบุไว้ในเอกสาร และพิจารณาแยกประเภทของหนี้ระหว่างลูกค้ากับลูกหนี้ ว่าหนี้ที่จะดำเนินการให้ทวงถามนั้นเป็นหนี้ประเภทใด

เช่น หนี้กู้ยืม หนี้บัตรเครดิต หนี้ตามสัญญาเช่าซื้อ การทวงถามหนี้เรื่องใดๆนั้น จะมีระยะเวลาตามที่กฎหมายกำหนดไว้ ถ้าหากมิได้ดำเนินการฟ้องลูกหนี้ภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด ย่อมทำให้หนี้นั้นขาดอายุความ ซึ่ง ลูกหนี้มีสิทธิที่จะปฏิเสธการชำระหนี้นั้นได้
เมื่อทราบว่าเป็นหนี้ประเภทใดแล้ว ให้พิจารณาอายุความที่เหลืออยู่ โดยอายุความหลักๆ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ได้แก่ อายุความ 2 ปี 5 ปี และ 10 ปี
หลังจากนั้น พิจารณาวันที่ผิดนัดชำระหนี้ โดยตรวจสอบจากเอกสารที่ลูกค้าส่งให้ว่า มีการชำระหนี้ครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ และมีกำหนดชำระหนี้ครั้งถัดไปเมื่อไหร่ กรณีผิดนัดชำระหนี้เงิน วันที่ผิดนัดชำระหนี้คือวันที่คือวันครบกำหนดชำระครั้งถัดไป โดยการนับอายุความให้นับจากวันที่ผิดนัดชำระครั้งสุดท้าย

ตัวอย่าง

นาย ก. ได้ไปทำการกู้สินเชื่อบุคคลจาก ธนาคาร A ครบกำหนดให้ผ่อนจ่ายคืนทั้งหมด 24 งวดๆละ 1,000.บาท โดยต้องผ่อนจ่ายคืนไม่เกินวันที่ 8 ของทุกๆเดือน นาย ก. ได้ผ่อนจ่ายชำระเงินคืนไปแล้ว งวดที่ 1 จ่าย 1,000.บาท วันที่จ่าย 7 พ.ย. 2563 ซึ่งงวดถัดไป นาย ก. ควรจะต้องจ่ายค่าผ่อนชำระ 1,000.บาท ไม่เกินวันที่ 8 ธ.ค. 2563 ตามสัญญา แต่ นาย ก. ไม่มีเงินจึงเริ่มหยุดชำระนับตั้งแต่วันที่ 8 ธ.ค. 2563 เป็นต้นมา ดังนั้น วันที่ 8 ธ.ค. 2563 จึงถือเป็นวันที่ นาย ก. ได้เริ่มผิดนัดชำระตามสัญญา มีผลทำให้อายุความเริ่มต้นนับ
กรณีเรียกให้ชำระหนี้ตามสัญญาซื้อขาย อายุความอาจเริ่มนับตั้งแต่ฝ่ายผู้ซื้อยอมรับสินค้าไว้

ตัวอย่าง

นาย ก. นำสินค้าไปติดตั้งให้และดำเนินการแก้ไขให้สมบูรณ์เป็นที่เรียบร้อย โดยบริษัท A ลงลายมือชื่อรับสินค้าเมื่อวันที่ 19 ก.พ. 2563 อายุความจึงเริ่มนับแต่เมื่อสินค้าที่ซื้อขายติดตั้งเรียบร้อยและผ่านการทดสอบว่าใช้งานได้ดีและบริษัท A ยอมรับมอบสินค้านั้นแล้ว อายุความจึงเริ่มนับตั้งแต่วันที่ 19 ก.พ. 2563

สุดท้ายพิจารณาเหตุที่ทำให้อายุความสะดุดหยุดลง กรณีทีเหตุการณ์บางอย่างมีให้อายุความสามารถเริ่มนับหนึ่งใหม่ได้ และทำให้อายุความเดิมที่มีมาไม่อาจนับได้อีกต่อไป เมื่อใดก็ตามที่อายุความเริ่มนับอีกครั้งต้องเริ่มต้นนับใหม่ตั้งแต่ระยะเวลาที่อายุความสะดุดหยุดลงนั้น เหตุที่ทำให้อายุความสะดุดหยุดลง ได้แก่

(1) เจ้าหนี้ได้ฟ้องคดีเพื่อตั้งหลักฐานสิทธิเรียกร้องหรือเพื่อให้ชำระหนี้
(2) เจ้าหนี้ได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลาย
(3) เจ้าหนี้ได้มอบข้อพิพาทให้อนุญาโตตุลาการพิจารณา
(4) เจ้าหนี้ได้กระทำการอื่นใดอันมีผลเป็นอย่างเดียวกันกับการฟ้องคดี
(5) ลูกหนี้รับสภาพหนี้ต่อเจ้าหนี้ตามสิทธิเรียกร้องโดยทำเป็นหนังสือรับสภาพหนี้ให้ชำระหนี้ให้บางส่วน ชำระดอกเบี้ย ให้ประกัน หรือกระทำการใด ๆ อันปราศจากข้อสงสัยแสดงให้เห็นเป็นปริยายว่ายอมรับสภาพหนี้ตามสิทธิเรียกร้อง

การรับสภาพหนี้ คือ การที่ลูกหนี้ได้กระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดซึ่งตามกฎหมายถือว่าลูกหนี้ได้ยอมรับว่าตนเป็นหนี้เจ้าหนี้จริง อันเป็นการแสดงเจตนาฝ่ายเดียวของลูกหนี้ต่อเจ้าหนี้ โดยการรับสภาพหนี้นั้นจะมีผลทำให้อายุความสะดุดหยุดลงการกระทำของลูกหนี้ที่ถือว่าเป็นการรับสภาพหนี้ มีอยู่ 5 กรณี คือ

  • ลูกหนี้ทำหนังสือไว้แก่เจ้าหนี้เพื่อยอมรับว่าตนเป็นหนี้เจ้าหนี้จริง
  • ลูกหนี้ชำระหนี้ให้บางส่วน การชำระหนี้บางส่วนนี้ อาจจะชำระด้วยตัวเงินหรือเป็นทรัพย์สินอย่างอื่นก็ได้
  • ลูกหนี้ชำระดอกเบี้ย ซึ่งการชำระดอกเบี้ย อาจจะชำระด้วยเงิน หรือทรัพย์สิน หรือกระทำการแทนการชำระดอกเบี้ยด้วยเงินก็ได้ เช่น การอนุญาตให้เจ้าหนี้ทำกินในที่ดินต่างดอกเบี้ย เป็นต้น
  • ลูกหนี้หาบุคคลมาค้ำประกัน หรือให้ประกันหนี้ด้วยทรัพย์สิน โดยการจำนองหรือจำนำก็ได้ โดยจะต้องทำให้ถูกต้องตามหลักเกณฑ์หรือแบบที่กฎหมายกำหนดไว้ในเรื่องนั้นๆด้วย
  • ลูกหนี้กระทำการใด ๆ อันปราศจากข้อสงสัยแสดงให้เห็นเป็นปริยายว่ายอมรับสภาพหนี้
ท่านสามารถแชร์ความรู้, บทความและคำพิพากษาได้ที่นี่
  •  
  •  
  •  
error: Content is protected !!